รูปแบบต่างๆ ของเงินและมูลค่าของเงิน

ความเชื่อ และการเปลี่ยนแปลงของ เงิน – เปลี่ยนรูปแบบธุรกรรม ตอนที่ 1.

คุณค่าของเงิน ไม่ใช่เรื่องการจับจ่ายใช้สอย หากคุณเป็นลงทุน และ เป็นผู้ศึกษาการทำธุรกิจ บทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับทำความเข้าใจ นิยามและบริบทของเงิน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเงินไปตามรูปแบบและยุคสมัย โดยมีผลกระทบมาจาก การเมือง และ การเปลี่ยนรูปแบบทางสังคม ความนิยม อีกทั้งความเชื่อในเรื่องของ คุณค่าของเงิน โดยเงินเป็นตัวกลางของการแลกเปลี่ยน มูลค่า ที่เรามีให้กับ มูลค่าของสิ่งหนึ่งที่เราได้รับมา การทำงานแลกเงิน กับการสร้างระบบและสร้างธุรกิจที่ทำเงินจึงแตกต่างกัน อยากให้ผู้ที่กำลังหาเงิน และแสวงหาโอกาส ให้มองบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความเชื่อเหล่านี้ จะได้ไม่วิ่งไปตามกับดัก ที่ทำให้เราออกห่างจาก คุณค่าที่สูงกว่าเงิน

การขุดหาเงิน

ในยุค ทุนนิยม (Capitalism) ในบทความนี้ จะยึดโยงไปที่ประเด็น เกี่ยวกับ Wage labour หรือ ค่าแรงงาน เป็นค่าจ้างจากการเซ็นสัญญา โดยนายจ้าง และ โดยทั่วไป ตลาดแรงงาน ที่มีค่าแรง เป็นตัวกำหนด ส่วนในทางปัจเจกของแต่ละบุคคล ในรูปแบบของ Marxist Economics ผู้ที่เป็นเจ้าของ ที่เป็น ปัจจัยการผลิต และ สินค้าของทุนเหล่านั้น เรียกว่า กลุ่มทุนนิยม และในหลักการนี้ได้อธิบายต่อว่า บทบาทของ นายทุน ได้เปลี่ยนบทบาทไป อันดับแรก ได้กล่าวถึง สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ หรือไม่มีคุณค่า ระหว่างผู้ผลิต และผู้จ้างให้ผลิต แรงงาน ได้รวมไปถึงทรัพยากรณ์ทางด้าน ร่างกายและ มันสมอง จิตใจ ของมนุษย์ รวมไปถึง ศักยภาพของ กิจการและ ทักษะการบริหาร ในส่วนที่เป็นกระบวนการผลิตและบริการ มันเลยเป็นที่มาของ กำลังแรงงาน

ที่กล่าวมาคร่าวๆ ทำให้เราพอทราบ scope ของค่าแรง และ แรงงาน ในฝั่ง การผลิต ตรงนี้เอง ที่จะยึดโยงไปในส่วนของ คุณค่าของเงิน และผมจะให้น้ำหนัก โดยยกตัวอย่างของ เงินในแต่ละประเภท รวมไปถึง เรื่องเงินเฟ้อ ในกระแสเศรษฐกิจ อีกทั้ง ทำให้คุณเริ่มเข้าใจ แนวทางของการหาเงิน จากกระบวนการแลกเปลี่ยน และ การเก็งกำไร อีกทั้ง ยังต่อยอดในเรื่องของ การลงทุนในหุ้น เราต้องอาศัยทักษะการเรียนรู้ จากหลักการที่มาเหล่านี้
ลักษณะของเงิน ประเภท Fiat และ Digital Money

ผมได้ขอกล่าวถึง เรื่องเงินในประเภทที่ Specific ลงไปอีกหน่อย นั่นคือ เงินในรูปแบบ Fiat หรือ รูปแบบเงิน เป็นเงิน ที่จัดตั้งโดย กฏหมาย (ลองศึกษาเกี่ยวกับ Legal Tender กับเรื่องระบบเงิน) หรือ รัฐบาล ซึ่งผมลองศึกษาประวัติศาสตร์ชาติจีนในสมัยราชวงศ์หยวน ระบบเงินตรา เฟียต นั้นคือเงินประเภท กระดาษ ซึ่ง มันก็คือ เงินตราที่ถูกกำหนดค่าเงินโดยรัฐบาล และเป็นเงินที่เราใช้ในปัจจุบัน ในสมัยราชวงศ์ ซ่ง มีการนำกระดาษมาทำเงิน เรียกว่า Jiaozi แต่ตอนนี้ มันคือ ติ่มซำนั่นเอง

ส่วนเรื่อง Legal Tender ที่เกี่ยวกับค่าของเงิน ในแต่ละประเทศ เช่นในอังกฤษ ช่วงปี 1971 มีการเปลี่ยนแปลงของธนบัตรใบละ 10 ชิวลิง แทนที่โดย เหรียญ 50 เพนนี่ อันนี้ ได้ความรู้มาจากร้านรับแลกเงินในอังกฤษ ก็คือ พวกเหรียญที่เป็น Decimal Coin อย่าง 5p จะเท่ากับ 10 shilling เป็นกลุ่มที่มีความแม่นยำ หรือนับเต็มจำนวนได้ง่าย ส่วนอีกกลุ่ม จะนับยาก ไม่แม่นยำ อย่างพวกเหรียญ 1/2p, 1p, 2p จะเท่ากับ 1.2d, 2.4d และ 4.8d ตามลำดับ พอลองศึกษาดู ก็พบว่านับยากจริงๆ

เงินกระดาษ นั้นมีความเสี่ยง นั่นจึงเป็นเหตุผล ที่ผม หันมาสนใจ เล่นหุ้น และ ศึกษาการทำ ธุรกิจอื่นๆ เพื่อขึ้นด้วย เคยได้ยินว่า ยิ่งถือเงินสด ยิ่งจน เพิ่งมารู้สึกเมื่อเรามาตั้งบริษัท ผมเห็นได้ชัดเจนเลยว่า เงินสดมันหมดคุณค่าไวมาก ยิ่งคนเป็นหนี้สิน จากระบบสินเชื่อ คนยิ่งไขว่คว้าหาเงินสด ด้วยวิธีต่างๆ แม้แต่การขายตัว ตามแหล่งสถานเริงรมณ์ ทำให้กระแสเงินสดสะพัดไปเรื่อย มันก็เกิดการ Re-Invest. การลงทุนผลิตซ้ำ เงินที่ตีค่าในกระดาษ (Note) ที่วิ่งไปตามกระแสเงินสด ในเวลาที่ผ่านพ้นไป เราจะพบว่า ราคาสินค้า อุปโภค บริโภค ก็ทวีคูณสูงขึ้น ยิ่งในประเทศไทย เงินทุนหมุนเวียน หมุนกลับไปสู่นายทุน และ กลุ่มพ่อค้าขนาดใหญ่ และ ตัด Margin ไปเรื่อยๆ ให้ผู้บริโภค ใช้สินค้าอย่างรวดเร็ว ด้วยโปรโมชั่น และ การกระตุ้นการตลาด ด้วยสื่อสิ่งบันเทิง ในทุกช่องทาง ยิ่งในสมัยนี้ เราเข้าถึงสื่อได้โดยง่าย

เงินเฟ้อ และ เงินเฟียต

ในยุคต่อมา คนเริ่มใช้เหรียญน้อยลงเมื่อมีการใช้กระดาษเข้ามาทำหน้าที่แทนเงิน และคนก็มีความเชื่อว่า กระดาษคือเงินแล้ว วิวัฒนาการเพื่อเปลี่ยนความเชื่อทางสังคมเพื่อให้มูลค่าแตกละอย่างมีกลไกของมัน ซึ่งผมมองว่ามันต้องมาจากสมาคมและการจัดตั้งของรัฐบาลในแต่ละรัฐ การใช้กระดาษมาแทนที่เงิน ยิ่งทำให้สภาพคล่องนั้นสูงขึ้น ประเทศแรกที่ผมไปหาเจอก็คือประเทศจีน อย่างที่กล่าวไว้ในย่อหน้าก่อนนี้ ส่วนเรื่องเงินเฟียต ที่เราถืออยู่ทุกวัน คุณเชื่อหรือไม่ว่า เป็นกระดาษที่โดนผูกความเชื่อต่อๆกันมา แล้วเราก็ยังแบกรับปัจจัยความผันผวนของค่าของมัน และเราเองนั่นแหละที่แบกเราการอ่อนตัวและค่าเงินเฟ้าในมูลค่าหน้าแบงค์นั่นเอง ส่วนทรัพยากรณ์ที่มนุษย์ใช้แทนการแลกเปลี่ยนในยุคโบราณได้แก่ทองคำ ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในสมัยก่อน เราก็ถูกสร้างให้มีความเชื่อว่า ทองคำ คือสิ่งมีค่าในยุคโบราณ เพราะเป็นโลหะที่มีความอ่อนนุ่มบริสุทธิ์ มีใครเคยตั้งคำถามไหมว่า ทองคำ จะมีวันหมดไปจากโลกใบนี้หรือไม่ ? และอนาคตมันจะมีมูลค่าสูงขึ้นไปถึงไหน แล้วมันจะตกมาเหลือ ไม่กี่ดอลล่าห์หรือไม่ ยิ่งคิด ก็ยิ่งวิตก แต่นักลงทุนคงพยายามสร้างข่าวเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับทองคำ และประเทศมหาอำนาจต่างก็ สะสมทองคำไว้เป็นการการันตีความมั่นคงของประเทศ ทองคำ เก็บไว้ในคลัง

ในปัจจุบันอย่างเหมืองทองคำเอกชน เช่น กลุ่ม ABX เป็นกลุ่มสมาคมขุดทอง เป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ ของโลก ซึ่งกลุ่มประเทศที่ผูกขาดราคาทอง ที่ผมคิดถึงแรก ก็จะมี ออสเตรเลีย กับ รัสเซีย เนี่ยแหละ ส่วนจีนก็ไม่ใช่ย่อย มีแหล่งเหมืองแร่ทองคำจำนวนมาก พวกนี้ผูกขาดเหรียญทองคำแท้ โดยที่เรายังคงใช้เงินจาก มูลค่ากระดาษ ตีตราหน้าแบงค์ ผมมองว่าจุดนี้ เป็นปัจจัยเสี่ยว เพราะในแต่ละวัน หากคุณเอง เป็นผู้ศึกษา และ ลงทุนในหุ้น คุณจะรู้ความผันผวนของเศรษฐกิจและค่าของเงินอยู่แล้ว ส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มที่เก็งกำไร ใน Forex ก็แทบจะต้องเล่นแบบ Day Trade กันเลยทีเดียว

เงิน Digital

ทีนี้เมื่อคุณเองได้แบกเอาเงินสดไว้ในกำมือและเต็มกระเป๋า เพื่อความสุขสบายกับการใช้จ่าย สิ่งต่อมาหากคุณตั้งข้อสังเกตหรือไหวตัวทัน คุณแทบจะไม่อยากถือเงินสดหรือมีเงินสดอยู่เต็มบัญชีธนาคารแน่ๆ เพราะในสังคมจริงๆ มีคนที่ผลิตเงินได้มากกว่าคุณอยู่จำนวนมาก พวกเขาต่างเอาเงินไปลงทุนสร้างระบบเล็กๆให้แก่ชีวิต และตอบแทนมาเป็นคุณค่าอะไรบางอย่างที่ให้ในอนาคต การมีเงิน ต้องเข้าใจเรื่องเวลา ถ้าคุณไม่เข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงไปของเวลา คุณไม่ควรจะมีเงินเลย และเชื่อว่าผู้อ่านหลายคน อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เงินกับเวลามันสัมพันธ์กันได้อย่างไร ซึ่งส่วนตัวผมเองก็รู้สึกเช่นนั้นสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น แต่พอถึงวัยเสื่อมโทรม เรากลับมามองว่ากำลังผลิตที่ได้จากระบบจริงๆ และเงินที่เราได้มาจากระบบต่างหาก คือสิ่งที่เราต้องการ เราจึงเริ่มใช้เงินทำงานแทนเรา แม้จะน้อยนิด ในปัจจุบัน คนในสังคม IT ที่เป็นโปรแกรมเมอร์ นอกจากจะแอบไปซื้อคอนโดในทำเลดีๆแล้ว พวกเขาเริ่มทำเหมืองขุดเงิน Digital ที่เรียกว่า BitCoin แต่ในบทความนี้ผมจะไม่กล่าวถึงมันมาก เพราะไม่อยากให้คนหลุดประเด็นว่าผมจะชวนไปเทรดค่าเงิน BitCoin หรือชวนไปซื้อ การ์ดจอเพื่อทำการขุดเหมือง BitCoin อะไรแบบนั้น

รูปแบบทางการเงิน ที่เสมือนว่าจับต้องไม่ได้ แต่มีหลายคน จับต้องออกมาจนเป็นทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลแล้ว เพราะตามเกมส์ทัน เงินในรูปแบบใหม่นี้กลายมาเป็น ปรากฏการณ์ทางสังคม จริงจังขึ้นมาแล้ว ก็คือเงินในคอมพิวเตอร์ หรือเงินในโลกออนไลน์ นั่นเอง เป็นเพราะ ยุคสังคมของ Internet ที่เพาะบ่มคนเราตั้งแต่ปี 1996 เป็นต้นมา แล้วเราเริ่มใช้ Internet ในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ จวบจนมาในปีนี้ 2017 ก็ราวๆ 21 ปี วิวัฒนาการของสังคมได้ตอบรับ การเข้ามาของโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น เรื่องของ Internet มีหลายองค์กร พยายามสรรค์สร้างโลกนี้ให้เชื่อมต่อ เพื่อเกิดการ Trading ทั้ง Information และ Value ผ่านทางออนไลน์ ได้อย่ารวดเร็ว ประเทศไทย ก็โชคดีมากขึ้นเมื่อ 4G ทำงานได้ดีและราคาไม่แพงอย่างที่คิด
ส่วนในประเทศอเมริกา เนื่องจาก eSport นั้นเป็น emerging market หรือตลาดที่เกิดใหม่ โดยใน US. มีส่วนแบ่งตลาดของ แชร์อยู่ตั้ง 4% ของตลาด Video Game, DOTA 2 กลายเป็น eSport ที่ได้รับเงินสูงสุด เป็นรายบุคคล เป็นประวัติการ จำนวน 37 ล้านดอลล่าห์ สหรัฐ ในปี 2016

Flooz.com ซึ่งปัจจุบันได้ถูกระงับการใช้งานไปแล้ว (Defunct) จัดตั้งและเป็นเว็บออนไลน์ ในเมือง นิยอร์ค สหรัฐฯ ถูกโปรโมต โดยดาราหญิง ที่ชื่อว่า “Whoopi Goldberg” ที่เว็บนี้ ชื่อ Flooz เพราะว่า เอามาจากคำในภาษาอาราบิก (Fuloos) ที่มีความหมายว่า เงิน โดยเว็บนี้ ถูกใช้เป็นที่นิยมและแพร่หลาย ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้น ของการใช้เงินออนไลน์ ตั้งแต่ปี 1999 ย้อนไปเกือบจะ 20 ปีเลยทีเดียว ตอนนี้ผมเห็นว่า ระบบเงินออนไลน์ ที่โจมตีเงินหลักๆของระบบรัฐบาล ก็จะมีเงินสกุลหลักที่ชื่อว่า BitCoin และมันมีแนวโน้มเติบโตขึ้น อย่างไม่จบไม่สิ้น คาดเดาอนาคตของมันได้ยากมาก

ส่วนการใช้งานของ ระบบเงินออนไลน์ หรือ Digital Money ในสมัยก่อน ที่เราพบ case ตัวอย่างนี้ คือการนำไปแลกคะแนนสะสม ที่เราเรียกมันว่า ระบบ Redeem มันเป็นตัวกลางของการแลกเปลี่ยน มูลค่าอะไรบางอย่าง เช่นแลกเป็นสิ่งของได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันได้ถูกตรวจจับได้ว่า มันเป็นตัวกลาง ของกิจกรรมที่มีความเป็น อาชญากรรมทางการเงิน และเป็นอาชญากรรมทางการเงินออนไลน์ โดยองค์กร Federal Bureau of Investigation ได้ตีความว่าเป็น crime syndicate โดยใช้รูปแบบของการขโมยเลขที่บัตรเครดิต ซึ่งการกระทำนี้ เข้าข่ายการฟอกเงินเลยทีเดียว

ที่เล่ามาทั้งหมด อยากให้เข้าใจ ว่าเงิน มาจากความเชื่อล้วนๆ ความเชื่อในการแลกเปลี่ยน คุณค่าของกันและกัน สิ่งที่มีคุณค่ามากๆสำหรับเรา อาจไร้ค่าสำหรับคนอื่น สิ่งที่เราทำให้คนอื่น อาจมีค่ามากๆสำหรับเรา ฉนั้น การจะกระทำสิ่งใดๆให้คนอื่น ให้มองที่คุณค่าของตนเองเป็นหลัก และอย่าถูกเงินครอบงำ ตอนหน้า จะเน้น เนื้อหา ทางเทคนิค ทางด้านการเก็งกำไร และ การโอนเงินระหว่างประเทศ ในรูปแบบร้านแลกเงิน  ที่ทำไม เขามีธุรกิจคู่ขนานที่ทำเงินได้เป็นวินาที และรูปแบบ ธุรกรรมของบัตรเครดิต และ นวตกรรมต่างๆ ของเรื่องเงิน มา ณ โอกาสหน้าครับ